พบแน่นอน ครั้งใดก็ตามไทย เจอหน้ากับเวียดนาม เป็นงานยากเสมอ
พบแน่นอน เพราะเหตุว่าพวกเขาเป็นแฟน-คู่ปรับที่ผูกความเจ็บปวดมาตลอดยาวนานหลายปีหลังสุด แล้วก็นัดหมายชิงแชมป์อาเซียนคัพ2022 ซึ่งเปรียบการฉกฉวย ‘เบอร์ 1’ ของเอเซียอาคเนย์ ยิ่งทำให้ดีกรีความถึงใจถึงอารมณ์เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และก็นี่เป็นสิ่งที่กองทัพช้างศึกจำเป็นจะต้องพบเจอแน่นอนเมื่อฟัดกับกลุ่มดาวทอง ทิ่มสกัดเอาจริงเอาจัง คือเรื่องธรรดาของไทย
เนื่องจากยามใดที่แข่งกับคู่ในโซนเอเซียอาคเนย์ นั้นชอบจะต้องถูกการเล่นหนักเข้ามาจู่โจม เหตุเพราะสมรรถนะผู้เล่นชาวประเทศไทยค่อนจะเหนือกว่าเพื่อนพ้อง ๆ แถวนี้อยู่พอเหมาะพอควร อย่างไรก็ดี ในกรณีของเวียดนาม นั้นผิดแผกออกไป ด้วยเหตุว่าตั้งแต่แมื่อปาร์คฮังซอ เข้ามาคุมกองทัพเมื่อปี 2017 เขาเบา ๆ ปรับกลุ่มดาวทองให้ดุเดือดและก็เอาจริงเอาจังมากยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ไม่เพียงแค่ไทย แค่นั้นที่จะต้องพบการแทงสกัดที่เอาจริงเอาจัง ถ้าเกิดแต่ว่าคู่ต่อสู้ทุกชาติที่พบกับสมาชิกของผู้ฝึกสอนชาวประเทศเกาหลีใต้ ต่างก็จะต้องร้องระงมกับแท็กติกอันโหดร้าย เนื่องจากนักฟุตบอลเวียดนาม พร้อมที่จะเข้าบอลแบบหมดตัว ก็เลยไม่แปลกที่พวกเขาจะเสมอ (1-1) รวมทั้งแพ้ประเทศญี่ปุ่น กลุ่มเบอร์หนึ่งของทวีปเอเชีย เพียงแค่ 0-1 ในบอลโลก 2022 รอบคัด นั่นก็เนื่องจากอุบายบู๊ผลาญของฮังซอ
นั่นแหละที่ทำเอา เดอะ บลู ซามูไร จะต้องเล่นแบบเซฟตนเอง ยิ่งกับเกมสำคัญ ความขาดความกรุณาปรานีของนักฟุตบอลเวียดนาม จะพอกพูน โดยเหตุนั้นในนัดหมายชิงแชมป์อาเซียนคัพ2022 พวกเราจะได้มองเห็นการเล่นที่เอาจริงเอาจังในทุก ๆ จังหวะของกองทัพดาวทองแน่ ๆ เดือดทุกจังหวะปาร์คฮังซอ ที่ปรึกษาของเวียดนาม เป็นผู้ที่มีลักษณะท่าทางที่กร้าวแข็ง ไม่ยินยอมคน จารย์ปาร์คยืดอก
แล้วก็เมื่อใดที่ฝั่งตัวเองเสียผลตอบแทน เขาพร้อมที่จะออกมาปะทะกับฝั่งตรงข้ามแบบไม่หวาดกลัว ด้วยความโกรธเกรี้ยว สิ่งที่กุนซือชาวประเทศเกาหลีใต้ เป็น มันสะท้อนออกมาถึงแนวทางการทำกลุ่มที่เต็มไปด้วยความตั้งใจจริงรวมทั้งดุเดือด จนถึงทำให้เวียดนาม เล่นด้วยแพสชั่นที่สูงลิบลิ่ว ซึ่งภาพที่ออกมาเป็นการที่ชอบมองเห็นนักฟุตบอลของพวกเขามีอารมณ์ร่วมระหว่างการแข่งขันชิงชัยค่อนข้างจะมากมาย
อย่าลืมว่านี่เป็นทัวร์นาเมนต์ในที่สุดของฮังซอ ในฐานะผู้ฝึกสอนของกลุ่มดาวทอง ซึ่งมันจะเป็นพลังบวกที่ทำให้ผู้เล่นพร้อมจะสู้ตายมอบให้หัวแบบไม่มีเม้ม เพื่อทดแทนที่ปรึกษาผู้ผลิตความโหฬารให้กับแวดวงลูกหนังเวียดนาม เพราะฉะนั้นคุณรอคอยดูได้เลยว่าเมื่อไรที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดเพื่อหยุดเกม ผู้เล่นของเวียดนาม จะกรูกันไปสอบถามหาความเป็นธรรมกับเป็นการใหญ่แน่ ไม่ว่าจะไม่ถูกหรือถูกก็ตาม
นักวิ่งพลังม้า
เวียดนามในสมัยของปาร์คฮังซอ เป็นกลุ่มที่เล่นด้วยระบบ ก็เลยชี้ให้เห็นว่าผู้เล่นทุกคนต่างมีวินัยกันขยันขันแข็ง ไม่เว้นแม้กระทั้งแนวรุกที่มิได้จำกัดหน้าที่เพียงแค่คนจบสกอร์แค่นั้น ถ้าหากแม้กระนั้นยังจำเป็นต้องเล่นเกมรับเป็นด้วย ทุกนัดหมายที่กองทัพดาวทองลงในสนาม ไม่ว่าจะเกมเล็กหรือเกมใหญ่ พวกเขาจะทุ่มเทเกินร้อยเพื่อธงชาติบนอกข้างซ้าย ดังนี้เองทำให้บอลกลุ่มชาติเวียดนาม
ปรับปรุงขึ้นในเวลาไม่นาน ด้วยเหตุดังกล่าวการเผชิญหน้ากับไทย ซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่าประสิทธิภาพส่วนตัวของนักฟุตบอลเหนือกว่า โดยเหตุนี้การวิ่งเข้าใส่แบบไม่มีหมดตลอดทั้งเกม ก็เลยเป็นสิ่งที่อดีตกาลแชมป์อาเซียนคัพ2018 จะมีผลให้มองเห็นแน่นอนการต่อบอลที่ติดขัดตอนนี้บอลไทย บางครั้งอาจจะมิได้อยู่ในระดับหัวแถวของทวีปเอเชีย แต่สไตล์การเล่นของกองทัพช้างศึกออกจะกระจ่างแจ้ง
เป็นเน้นย้ำการต่อบอลกับพื้นเป็นหลัก ยิ่งกับการมี อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมที่ประทับใจเกมรุก ยิ่งซ้ำเติมว่าพวกเราจะเล่นบอลที่งาม จุดเด่นของกลุ่มสไตล์นี้เป็นทำให้แฟนคลับยกย่องแล้วก็สุขสบาย มองไม่เบื่อ แต่จุดบอดของกลุ่มที่เล่นบอลกับพื้นเป็นเมื่อใดที่จะต้องแข่งในภาวะสนามที่ไม่อำนวย เมื่อนั้นล่ะ ‘งานเข้า’ อย่างยิ่งจริง ๆ แล้วเกมนัดหมายชิงแชมป์
กลุ่มชาติไทยจะต้องบุกไปเยือน มี ดินห์ สเตเดี้ยม สนามที่เห็นภาพก็ทราบได้โดยทันทีว่ามีปัญหาเรื่องผืนต้นหญ้าที่มิได้เขียวชะอุ่มอย่างที่จะต้องเป็น แถมออกไปทางเทา ๆ เสียด้วยซ้ำ คู่ปรปักษ์ที่จะต้องมาตรงนี้ต่างก็พร่ำบ่นอุบเป็นเสียงเดียวกันในหัวข้อนี้ หากว่าสถิติของไทย ในฐานะแขกของ มี ดินห์ จะออกจะดีเลิศ ๆ เพราะเหตุว่ากลุ่มชุดใหญ่ไม่เคยแพ้ให้เวียดนาม เลยสักหนึ่งครั้ง แล้วก็ยังเคยมายำกองทัพดาวทองเปรอะ 3-0 เมื่อปี 2015
อีกต่างหาก อย่างไรก็ดี ด้วยภาวะต้นหญ้าที่ค่อนข้างจะหนักไปทางทรุดโทรม คงจะนำมาซึ่งการทำให้การต่อบอลของกลุ่มช้างศึกจำต้องยากลำเค็ญอีกเท่าตัว รวมทั้งโน่นน่าจะมีผลต่อรูปเกมไม่มากมาย ก็น้อยอย่างยิ่งจริง ๆ https://www.china-abon.com/